บันทึกการเรียนประจำวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2557
วันนี้เรียนเรื่อง แนวทางในการจัดประสบการณ์ทางภาษา
แนวทางการสอนภาษาแบบธรรมชาติและภาษาธรรมชาติแบบ "WHOLE LANGUAGE"
ทฤษฏีที่มีอิทธิพลต่อการสอนแบบธรรมชาติ
1.Dewey2.Piaget3.Vygostsky4.Haliday
1.หลักการของการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
2.การสื่อสารที่มีความหมาย
3.การเป็ยแบบอย่าง
4.การตั้งความหวัง
5.การคาดคะเน
6.การใช้ข้อมูลย้อนกลับ
7.การยอมนับรับนับถือ
8.การสร้างความรู้สึกเชื่อมั่น
ธรรมชาติของปฐมวัย
1.สนใจอยากรู้อยากเห็น
2.การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
*** กิจกรรมในห้องเรียน ***
แบ่งกลุ่มทำ My Mapping เรื่องธรรมชาติของปฐมวัย
รูปประกอบการทำกิจกรรม
****หมายเหตุ**** ไม่ได้เข้าเรียนในวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557
เนื่องจาก ข้าพเจ้าไม่สบาย เป็นไข้ทับฤดู จึงได้หยุดเรียนในวันวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557 อยู่ที่บ้าน 1 วัน และจะกลับมาเรียนตามปกติ
ไข้ทับระดู เรื่องจริงที่ผู้หญิงควรรู้ (สสส.)
"ไข้ทับระดู" ในอดีตอาจเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิง !! บางคนเป็นแล้วถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการมีเพศสัมพันธ์แล้วได้รับเชื้อกามโรคจากคู่นอนหรือสามี แต่ในปัจจุบัน เมื่อได้ยินชื่อของโรคแล้วผู้หญิงคิดถึงเพียงแต่ว่าเป็นโรคที่มีอาการป่วย เป็นไข้ ไม่สบายในช่วงเวลาของการมีประจำเดือน บางคนแค่กินยาแก้ปวดลดไข้ธรรมดาก็หาย....ในขณะที่บางคนทานยาแล้วอาการกลับไม่ดีขึ้น...
จากการได้พูดคุยกับ รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ไข้ทับระดูสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่
ไข้ทับระดูที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง โดยจะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดภายหลังทานยาแก้ ปวดลดไข้ก็หายได้ สาว ๆ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงที่เกิดขึ้นระหว่างมีประจำเดือนซึ่งบางครั้งอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือปวดประจำเดือนร่วมด้วย
ไข้ทับฤดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝง จะมีอาการไข้ขึ้นสูงหนาวสั่น ปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้องน้อย มีตกขาวปนหนองออกมาระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งบางครั้งประจำเดือนอาจมีมากผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น หากมีอาการจะรุนแรงมากขึ้นในทุก ๆ รอบเดือนนั่นเป็นสัญญาณของโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง
เนื่องจากขณะมีประจำเดือนร่างกาย มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตเจนและโปรเจสเตอโรน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล มีภูมิต้านทานลดน้อยลงจึงมีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อง่ายกว่าปกติ อีกทั้งมีโอกาสติดเชื้อในมดลูก และปีกมดลูกได้มากกว่าปกติอีกด้ว ซึ่งกล่าวได้ว่า "ไข้ทับระดู" หรือทางการแพทย์เรียกว่า "โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง" เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์หรือการไม่รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น
นอกจากนี้ ยังเป็นที่มาของ "โรคปีกมดลูกอักเสบ" ที่เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกัน ทางการแพทย์เรียกเชื้อแบคทีเรียนี้ว่า "คลามีเดีย" เชื้อที่ว่านี้จะเข้าไปทำลายท่อรังไข่ หรืออวัยวะใกล้เคียงได้ หากไม่ได้รับการรักษาจะเกิดการอักเสบของอุ้งเชิงกรานสูงถึงร้อยละ 40 ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น เป็นหมัน มีบุตรยากหรือเสียชีวิตได้ในที่สุด โดยมักจะเกิดกับผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 25 ปี เนื่องจากปากมดลูกยังไวต่อการติดเชื้อนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านี้อาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกคือ เกิดฝีหนองในอุ้งเชิงกรานที่ส่งผลให้ไข้เพิ่มสูงขึ้นและมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง บางรายหนองแตกในท้องต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาหนองออก หรือไม่ก็ใช้วิธีการให้ยาฆ่าเชื้อปฏิชีวนะแทนหากอาการไม่รุนแรงมากนัก
สำหรับระดับความรุนแรงของโรคไข้ทับระดูหรือโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรังในแต่ละช่วงวัย หากเปรียบเทียบระหว่างผู้ใหญ่อายุ 40 ขึ้นปีขึ้นไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายย่อมทำงานได้ไม่เต็มที่เมื่อเทียบกับเด็กสาวที่ อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ระบบภูมิคุ้มกันย่อมดีกว่า เมื่อสภาพร่างกายแข็งแรงการฉีดยาระหว่างมีประจำเดือนย่อมไม่ส่งผลให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ขณะเดียวกันจะพบว่าช่วงวัยเจริญพันธุ์มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรังสูงกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั่นเอง
รู้อย่างนี้แล้วสาว ๆ อย่าได้ละเลยการใส่ใจสุขภาพในช่วงมีวันนั้นของเดือน เพื่อเป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคร้ายตามมา ทางที่ดีควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองด้วยแนวทางง่าย ๆ เพียงหมั่นดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น ไม่จำเป็นอย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อล้างทำความสะอาดเพราะอาจทำลายเชื้อแบคทีเรียตัวดีในช่องคลอด
ที่สำคัญพยายามพักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ ลดกิจกรรมประจำวันลง ทานอาหารที่มีประโยชน์ย่อยง่าย เช่น พืชผักผลไม้ต่าง ๆ งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ละเว้นการสูบบุหรี่ และเปลี่ยนผ้าอนามัยไม่ต่ำกว่า 2 ชิ้นในหนึ่งวันเพื่อความสะอาดของสุขอนามัยส่วนตัว
เหนือสิ่งอื่นใดควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงมีประจำเดือนจะดีที่สุด เพราะมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อร้ายสูง เนื่องจากเวลาที่มีประจำเดือน ปากมดลูกจะเปิด เลือดจึงเป็นอาหารชั้นดีหล่อเลี้ยงแบคทีเรียให้เจริญเติบโต เมื่อเกิดการติดเชื้อจึงทำให้โรคค่อนข้างรุนแรง เกิดเป็นไข้ทับระดูขึ้น
ถ้าสาว ๆ คนไหนไม่ยากเจ็บป่วยด้วยโรคที่ว่านี่ ก็อย่านิ่งเฉยกับอาการผิดปกติของร่างกาย การดูแลรักษาสุขภาพตั้งแต่ต้นย่อมดีกว่าให้โรคภัยถามหาแล้วค่อยป้องกันในภายหลัง
แหล่งอ้างอิง.http://health.kapook.com/view84382.html