พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย
ทฤษฎีและพัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางภาษา
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการหรือความก้าวหน้าทางภาษาของเด็กมีดังนี้
(กรรณิการ์ พวงเกษม, 2534 : 20 – 21)
(กรรณิการ์ พวงเกษม, 2534 : 20 – 21)
1.
วุฒิภาวะ เมื่อเด็กมีความเจริญขึ้นตามลำดับ ความสามารถในการพูด
การเขียนย่อมตามมา นับตั้งแต่อายุ 15 เดือน
ขึ้นไปแล้วเด็กจะใช้ภาษาพูดมากขึ้นตามลำดับจนกระทั่งอายุ 36 เดือน จะสามารถใช้คำพูด 376 คำต่อวัน และเมื่ออายุ 48 เดือน จะพูดได้ 397
คำต่อวัน และสามารถใช้คำวิเศษณ์ และคำคุณศัพท์เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
และนอกจากนั้นถ้าหากมีสมาธิดี ก็จะจดจำสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาเล่าต่อให้คนอื่นทราบ
2.
สิ่งแวดล้อม ถ้าหากพ่อแม่ ผู้ปกครองสนใจ เอาใจใส่ พยายามพร่ำสอนให้เด็กพูดคุย และหัดอ่านหัดเขียนอยู่ตลอด เด็กจะมีความพร้อมทางภาษามาก
โดยเฉพาะครอบครัวที่มีการศึกษาสูง
ย่อมมีส่วนสร้างความเจริญทางภาษาให้เด็กได้ดีกว่าครอบครัวที่มีฐานะยากจน
ซึ่งส่วนมากไม่ค่อยสนใจในเรื่องภาษาของบุตรหลานของตนเท่าที่ควร
3.
การเข้าใจความหมายภาษาที่ใช้พูด ถ้าอยู่ในวงแคบศัพท์ก็พื้น ๆ
ธรรมดาแต่ถ้าหากอยู่ในชุมชนที่กว้างใหญ่ เด็กก็สามารถเข้าใจคำ ประโยค
วลีที่มีความหมายต่าง ๆ ได้ดี ฉะนั้น การพูดอะไรก็ตามที่เด็กเพียงแต่เลียนคำพูด
เลียนเสียงพูด ผู้ใหญ่จึงควรได้ย้อนถามเขาดูบ้างว่าที่พูด ๆ นั้นเข้าใจเพียงใด
เปรียบเสมือนคนไทยที่พูดคำต่างประเทศตามเขาแต่ออกเสียงผิด ความหมายก็ย่อมจะเปลี่ยนไปได้ ดังนั้น
เพื่อป้องกันความผิดพลาดดังกล่าวจึงควรได้ย้อนถามความหมายในสิ่งที่เด็กพูดได้แต่ไม่เข้าใจความหมายด้วย
4.
การให้มีพัฒนาการทั้งหมด (Develope as a Whole) เราจะต้องให้เด็กมีรูปร่างที่ดี หน้าตาสดใส สะอาดกายใจ สมองก็ต้องให้ดี สุขภาพสมบูรณ์
และสังคมก็ต้องดี จึงจะทำให้เด็กมีความเจริญทางภาษาได้ดี
ไม่ควรแต่เพียงว่าให้อ่านได้เขียนได้เท่านั้น
เราต้องคำนึงถึงหลักของความต้องการความสนใจจากเพื่อน ๆ ของเด็กด้วย
ถ้าหน้าตาสกปรกเพื่อน ๆ ก็ย่อมไม่พูดคุยด้วยโอกาสที่จะมีความเจริญทางภาษาพูดก็ยิ่งเสียเปรียบคนที่รูปร่าง หน้าตา สะอาดสดใส
5.
ขั้นตอนและการจัดชั้นเรียน การจัดโรงเรียนแบบไม่มีชั้น
แต่อาศัยความสามารถทางภาษาเป็นแนวก็น่าจะได้ลองจัดให้เป็นที่แพร่หลายต่อไป
หลักสูตรและขั้นตอนการสอนบางบทก็น่าจะสับเปลี่ยนไปได้ตามระดับความสามารถและความพร้อมของนักเรียน
จึงมีข้อที่น่าสังเกตว่าบางแห่งสอนบทเรียนยากก่อน
แล้วกลับมาสอนบทธรรมดาภายหลังโดยอ้างแต่หลักสูตร ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว
ครูผู้สอนน่าจะมีความสามารถในการวินิจฉัยบทเรียนนั้น ๆ ได้ด้วยตนเอง
6.
การมีส่วนร่วม (Participation) กิจกรรมใด ๆ ก็ตามเด็ก ๆ
ควรมีส่วนร่วมทุกครั้ง ทุกคน
ครูไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชังจะต้องพิจารณาความสามารถของเด็กเป็นรายบุคคลและกำหนดงานให้ทำร่วมกับเพื่อน
ๆ ตามใจสมัคร หรือครูกำหนดกลุ่มให้บางครั้ง การทำงานเป็นกลุ่ม การทำงานเป็นกลุ่มย่อย
การร่วมกิจกรรมต่าง ๆ มีส่วนช่วยให้เด็กมีความเจริญทางภาษาได้อย่างมาก
นอกจากนี้ สุภาวดี ศรีวรรธนะ
(2542 : 49 – 50) ยังได้กล่าวถึง ปัจจัยที่มีอิทธิพล
ต่อพัฒนาการทางภาษาของเด็กว่าควรประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 2 ประการคือ
ต่อพัฒนาการทางภาษาของเด็กว่าควรประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 2 ประการคือ
1.
สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม การศึกษาและถิ่นที่อยู่ของบิดา มารดา อันเนื่องมาจากการแบ่งชนชั้นไม่เท่าเทียมกันในสังคม
เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางภาษาของเด็ก แม็คคาธี (MC.
Carthy 1957 : 603 ; อ้างถึงใน Carmichale.1960 ; 586 – 587) ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับพัฒนาการทางภาษาพูดของเด็ก
พบว่าความแตกต่างทางด้านฐานะทางเศรษฐกิจและอาชีพมีผลต่อพัฒนาการทางภาษาพูดของเด็ก
เด็กที่อยู่ในฐานะเศรษฐกิจและสังคมสูง จะใช้ภาษาได้ดีกว่าตั้งแต่อายุยังน้อย
และเด็กที่อยู่ในฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำ มักจะใช้คำถามอย่างเดียวติดต่อกันไป
ซึ่งแสดงว่ายังมีวุฒิภาวะทางด้านภาษาไม่ดีพอ ส่วนทางด้านการศึกษาของบิดา มารดานั้น พิชเชอร์ (Fisher
1958 : 483 ; อ้างถึงใน Carmichale. 1960 : 587) ได้ศึกษาวิจัยและพบว่า เด็กที่มาจากครอบครัวซึ่งบิดามารดาเป็นผู้ชำนาญการได้รับการศึกษามาอย่างดี
จะมีพัฒนาการทางภาษาดีที่สุด และถิ่นที่อยู่สามารถเป็นองค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางภาษาได้นั้น
จากการศึกษาของ คิทเทล (Kittle 1967 : 342 ; อ้างถึงใน
สวนา พรพัฒน์กุล. 2513 :
9) ได้ศึกษาวิจัยพบว่า
พัฒนาการทางภาษาของเด็กในเขตเมืองกับเขตชนบทมีความแตกต่างกันโดยเขตเมืองจะดีกว่า
2.
ขนาดครอบครัว เพศ และอายุ เป็นส่วนที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางภาษาอีกประการหนึ่งโดย จอห์นสัน (Johnson. 1974 : 265) ได้ศึกษาเปรียบเทียบขนาดของครอบครัวว่ามีส่วนสัมพันธ์กับพัฒนาการทางภาษาหรือไม่
พบว่า ครอบครัวที่มีการอบรมเลี้ยงดูเป็นอย่างดีไม่มีพี่น้องมาก จะมีพัฒนาการทางภาษาได้เร็ว
และดีกว่าครอบครัวที่มีพี่น้องมาก ถ้ามีพี่น้องมากคนโต
และคนสุดท้ายมักมีพัฒนาทางภาษาที่ดีกว่าลูกคนกลาง ส่วนเพศและอายุ พบว่า
เด็กหญิงมีความสามารถทางภาษาดีกว่าเด็กชาย ส่วนอายุนั้น จะพบว่าเด็กตั้งแต่ 3
ปี ขึ้นไปจะมีพัฒนาการทางภาษาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พอถึงวัยเข้าโรงเรียนแล้วจึงลดลงตามลำดับ
จากที่กล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย
ควรประกอบด้วยวุฒิภาวะหรือความพร้อมของพัฒนาการทุกด้าน เพศ อายุ ขนาดของครอบครัว
สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม สิ่งแวดล้อมรอบตัวทั้งบุคคลและสถานที่ ตลอดจนบุคลิกภาพ
แหล่องอ้างอิง http://www.oknation.net/blog/print.php?id=845068
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น